1. ผักกาดแก้ว (หอมห่อ) 100 เมล็ด [10 แถม 1 คละได้]
ผักกาดแก้ว (หอมห่อ) 100 เมล็ด [10 แถม 1 คละได้] 1 ซอง บรรจุ 100 เมล็ด ผักกาดแก้วมี ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Lactuca sativa var.capitata ลักษณะทั่วไป เป็นผักสีเขียวค่อนข้างอ่อน ใบห่อเป็นหัว เนื้อใบหนากรอบเป็นแผ่นคลื่น เป็นพืชที่ปลูกง่าย ตลาดมีความต้องการสูง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมผักกาดหอมห่อ ผักกาดหอมห่อ หรือ ผักกาดแก้ว เป็นพืชที่ต้องการสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 10-24 ‘C ในสภาพอุณหภูมิสูง การเจริญเติบโตทางใบจะลดลง และพืชจะสร้างสารคล้ายน้ํานม หรือยางมาก เส้นใยสูง เหนียว และมีรสขม ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรีย์วัตถุสูง หน้าดินลึก และอุ้มน้ําได้ดีปานกลาง สภาพความเป็นกรด-ด่างของดินอยู่ระหว่าง 6-6.5 พื้นที่ปลูกควรโล่ง และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เนื่องจากใบผักกาดหอมมีลักษณะบาง ไม่ทนต่อฝน ดังนั้นในช่วงฤดูฝน ควรปลูกในโรงเรือน การใช้ประโยชน์ และคุณค่าทางอาหารของผักกาดหอมห่อ ผักกาดหอมห่อเป็นพืชที่นิยมบริโภคสด โดยเฉพาะในสลัด หรือกินกับยํา นํามาตกแต่งในจานอาหาร แต่สามารถประกอบอาหารได้ในบางชนิด ผักกาดหอมมีน้ําเป็นองค์ประกอบหลัก และมีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะผักกาดหอมที่มีใบสีแดง นอกจากนี้ยังให้ฮีโมโกลบิน(hemoglobin) ช่วยป้องกันโรคโลหิดจาง บรรเท่าอาการท้องผูก เหมาะสําหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน การปฎิบัติดูแลรักษา ผักกาดหอมห่อ ผักกาดแก้ว ระยะต่างๆ ของการเจริญเติบโต การเตรียมดิน ขุดดินตากแดดและโรยปูนขาวหรือโดโลไมท์ อัตรา 0-100 กรัม/ตร.ม. ทิ้งไว้ 14 วัน ให้วัชพืชแห้งตาย ขึ้นแปลงกว้าง 1 ม. ใส่ปุ๋ย 12-24-12 และ 15-0-0 อัตรา 50 กก./ไร่ สัดส่วน 1:1(รองพื้น) ปุ๋ยคอกอัตรา 2-4 ตัน/ไร่ การเตรียมกล้า เพาะกล้าในถาดหลุมแบบประณีต ดินเพาะควรมีระบบน้ําดี อายุกล้าประมาณ 3-4 อาทิตย์ การปลูก ระยะปลูก 30×30 ซม. 3 แถว ในฤดูร้อน และ 40×40 ซม. 3 แถว ในฤดูฝน(เพื่อป้องกันการระบาดของโรค) ข้อควรระวัง อย่าปลูกในหลุมใหญ่หรือลึกเพราะน้ําอาจขังหากระบายน้ําไม่ดี อาจทําให้เน่าเสียหาย อย่างเหยียบหลังแปลงเพาะ จะทําให้ดินแน่น พืชเติบโตได้ไม่ดี กล้าควรแข็งแรง อายุไม่เกิน 30 วัน เมื่อย้ายปลูก ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ตามคําแนะนํา ก่อนใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์ต้องวัน pH ก่อนช่วงเตรียมดิน หลังย้ายกล้าปลูกในฤดูฝนให้ระวังหนอนกระทู้ดํา และจิ้งหรีด การให้น้ํา ควรให้น้ําอย่างสม่ําเสมอ และเพียงพอต่อการเจริญเติบโต การให้ไม่ควรมากเกินไป อาจทําให้เกิดโรคโคนเน่า การให้ปุ๋ย หลังปลูก 7 วัน ใส่ปุ๋ย 46-0-0 หรือผสม 15-15-15 อัตรา 5 กก./ไร่ อย่างละครึ่ง พร้อมกําจัดวัชพืช หลังปลูก 20-25 วัน ใส่ปุ๋ย 13-13-21 พร้อมกําจัดวัชพืช ขุดร่องลึก 2-3 ซม. รัศมีจากต้น 10 ซม. โรยปุ๋ย 1/2 ช้อมโต๊ะ กลบดินแล้วรดน้ํา ข้อควรระวัง ควรฉีดพ่น แคลเซียม และโบรอน สัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อป้องกันอาการปลายในไหม้(Tipburn) บางพื้นที่มีปัญหา ขาดธาตุรอง การพรวนดิน ระวังอย่ากระทบกระเทือนราก หรือต้นเพราะจะมีผลต่อการเข้าปลีที่ไม่สมบูรณ์ ควรเตรียมแปลงปลูกโดยใส่ปุ๋ยคอก และปุ๋ยหมักปริมาณที่มาก ไม่ควรปลูกซ้ําที่ การเก็บเกี่ยว เมื่ออายุ ได้ประมาณ 40-80 วัน หลังย้ายปลูก ใช้หลังมือกดดูถ้าหัวแน่นก็เก็บได้(กดยุบแล้วกลับคืินเหมือนเดิม) ใช้มีดตัด และเหลือใบนอก 3 ใบเพื่อป้องกันความเสียหายในการขนส่ง หลีกเลี่ยงการเก็บเกี่ยวตอนเปียก ควรเก็บเกี่ยวตอนบ่าย หรือค่ําแล้วผึ่ง ลมในที่ร่ม และคัดเกรดป้ายปูนแดงที่รอยตัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่หัวอย่าล้างผักบรรจุลงลังพลาสติก ข้อควรระวัง ในฤดูฝนเก็บเกี่ยว ก่อนผักโตเต็มี่ 2-3 วัน เพร